วันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2562

รวมเคล็ดวิชาการสร้างผู้ติดตาม Facebook Fan Page


1. วิธีคิด การทำเพจ Like=>การทำเพจ ต้องมีแรงจูงใจมหาศาล ในการให้ประโยชน์ว่าที่ลูกค้าถ้าเพจที่สร้างมาเพื่อผลประโยชน์แอดมินเป็นหลักก็ทายอนาคตเพจได้เลยว่ามันจะเป็นเพจที่มีคนไลค์เพจเยอะแต่ไลค์โพสต์ไม่มี.. ยิ่งโพสต์หนักๆไลค์เพจก็จะเพิ่มแต่ไลค์โพสต์ก็จะเงียบต่อให้ลง Ad ก็จะได้แต่ยอดไลค์แต่ไร้ยอดขายและสุดท้ายเก็บเสื่อ เก็บหมอน กลับบ้านไป

.2. เครื่องมือสนับสนุน=>YouTube, Line@, Website / Pantip.com.

3. วิธีการทำเพจ Like=>ทำ Viral Content ปล่อยใน Pantip.com ทิ้ง ID Line@ ไว้แต่อย่าใส่ Link เดี๋ยวจะบินไม่รู้ตัว หึๆเมื่อมีการ Post Content ที่เป็นประโยชน์ กับลูกเพจบน Facebook Fan Page ของคุณให้ Copy หัวเรื่องที่ Post ของ Post นั้นๆส่งไปให้คนที่ Follow คุณใน Line@
และอย่าลืมแนบ Link URL ของ Post บน Page ไปด้วย.

3.1 วิธีการเตรียม Facebook Fan page ให้ซอมบี้อยากตาม=>เท่าที่ดูๆมาเพจที่คนตามแล้วขายของได้ จะเป็นเพจน่าเชื่อถือมีรูปเอกสารประกอบการ มีการออกสัมภาษรายการช่องนู่นนี่นั่นมีช่องทางให้ติดตามผลงานหรือสอบถามปัญหามากกว่า 1ทางถ้าไม่ได้โด่งดังถึงขั้นถูกเชิญไปออกรายการอันนี้ก็ต้องจัดรายการพรีเซ้นเพจตัวเองเลยทำให้เขารู้จักคุณหรือเพจของคุณ ให้ประโยชน์จนเขาชอบคุณสัญญาอะไรไว้กับลูกเพจ ก็อย่าเบี้ยววิธีการนำไปใช้ได้ผลจริงตามที่คุณแนะนำมันจะเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจตามมา พอคุณจะขายสินค้ามันก็ง่ายละสรุปให้เข้าใจง่ายๆคือ ต้องมีความเป็นมืออาชีพพอสมควร

.3.2 วิธีตั้งชื่อเพจ=>ให้ใช้ประโยคสั้นๆที่มี 3ส่วนประกอบ คือ ประธาน+กริยา+กรรมถ้าบางส่วนของชื่อเพจขาดหายไป ขอให้เป็นกรรมหายเพระลูกเพจยังพอรู้ว่าใครทำอะไร เช่น มนุษย์กิน มีแค่ ประธาน กับ กริยาถ้าหาย 2ส่วนขอให้เป็นประทานกับกรรมหาย หรือ กริยา+กรรมหายต้องคงไว้ซึ่งประธานเป็นชื่อเพจ หากว่าประธานนั้นเป็นชื่อที่โด่งดังผู้คนรู้จักมาก่อนอยู่แล้วแต่ถ้าเป็นชื่อใหม่แปลกๆ ก็ต้องคงส่วน กริยาเอาไว้เป็นชื่อเพจเช่น เจ็บๆ โดนๆ อ้วนคำกริยาคือคำที่บ่งบอกถึกลักษณะ อาการ กิริยาท่าทาง และการกระทำหัวใจสำคัญของชื่อเพจคือลูกค้าต้องรู้ในทันทีว่าเขาจะได้อะไรจากการอ่านเพจของคุณ.

3.3 วิธีสร้างสังคม=>การทำเพจคือการสร้างสังคม ไม่ใช่การ Hard Saleและต้องชัดเจนว่าสังคมแบบไหนที่คุณต้องการสร้างจงใช้เป้าหมาย อุดมการณ์ หรือเรียกเข้าใจง่ายว่าวัฒนธรรมองค์กรในการเรียกคนเข้ามาเป็นลูกเพจ เพจที่มีอุดมการณ์และจุดยืนที่ชัดเจนจะเป็นเหมือนน้ำหวานเรียกมด.

3.4 วิธีหากลุ่มลูกเพจ=>ตอบให้ได้ว่าเพจคุณเป็นตัวแทนของใคร เช่นเพจคนอะไรเป็นแฟนหมี เป็นตัวแทนของคู่รักวัยหนุ่มสาวเพจ Salaryman's Diary เป็นตัวแทนมนุษย์เงินเดือนเพจ เสื้อผ้าหญิงอ้วน Fatcat Bigsize เป็นตัวแทนผู้หญิงอ้วนที่ชอบแต่งตัวสวยถ้าคิดไม่ออกให้ดูว่าสินค้าหรือบริการที่จะขายมันเหมาะกับใครมากที่สุด ก็ให้ทำเพจเป็นเหมือนตัวแทนที่คอยสื่ออารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ของกลุ่มคนกลุ่มนั้นๆ ให้โลกยอมรับอย่าลืมว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม ล้วนต้องการ การยอมรับพูดแบบแทงใจดำคือ เอาปมด้อยเขามาสร้างให้เกิดการยอมรับในสังคมนั่นเอง.

3.5 วิธีสังเกตพฤติกรรมกลุ่มลูกเพจ=>สังเกตพฤษติกรรมลูกเพจ เอากิจวัติประจำวันที่เขาชอบ เอามาเล่าเรื่องตามหลัก Story และทำ Marketing ให้กับ Story ที่เล่านั่นคือการเล่าเรื่องโดยจำลองสถาณการณ์ตามที่เขาเจอมาจริงๆแล้วเผยแพร่ออกไปในมุมมองเดียวกันกับเขามันจะเกิดเป็น Viral Marketing (การตลาดแบบปากต่อปาก)เพราะมนุษย์สนใจแต่เรื่องที่เกี่ยวกับตัวเขา ตรงกับความคิดเขาให้ดูว่าหน้า Facebook วันๆเขา Share อะไรมาบ้างแล้วโพสต์ที่เขา Share เขาเพิ่มคำอธิบายว่าอะไรนั่นแหละความคิดของเขาจงนำเสนอเนื้อหาใน Facebook Fan Page ของคุณในมุมมองความคิดเห็นแบบเดียวกับเขาซะเขาจะรู้สึกเป็นพวกเดียวกันได้มากกว่าการบอกสอนเพราะถูกบอกสอนโดยไม่ได้ร้องขอ มันรู้สึกถูกบ่งการชีวิตยังไงไม่รู้.

3.6 ประโยชน์ที่ควรให้แก่ลูกเพจจนเขาเชื่อใจ=>แนะนำว่าควรจะเป็น "ความรู้" มาเป็นอันดับ 1ถ้าขายสินค้า ก็ให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าอาจจะแบบว่าปกติขายครีมใช่ไหม?
แทนที่คุณจะแจกครีมฟรีให้ทดลองใช้ก็เปลี่ยนเป็นให้เคล็ดลับหน้าใสจากผลไม้มหัศจรรย์อะไรก็ว่าไปแล้วค่อยปิดจบท้ายว่าถ้าขี้เกียจหาซื้อแต่ละชนิดสินค้าคุณได้รวมเอาผลไม้มหัศจรรย์สกัดมาไว้ในนี้แล้วสั่งซื้อที่ไหนก็ได้ สั่งซื้อกับคุณก็ได้เพราะคุณขายอยู่ มีอะไรปรึกษาคุณได้ ก็สนิทกันแล้วหนิเขาต้องซื้อกับคนที่เขาชอบ คุณให้ประโยชน์ลูกค้าเขาก็ต้องชอบคุณอยู่แล้วถ้าขายบริการ เอิ่ม..! หมายถึง ถ้าเป็นการให้บริการ Service ลูกค้าก็ต้องให้เป็น ความรู้เกี่ยวกับวิธีใช้บริการ เทียบราคากับความคุ้มค่าความจริงลูกค้าไม่ได้ชอบของถูกหรอก แต่เขาชอบความคุ้มค่าถ้าทำออกมาแล้วเขาคุ้ม จะราคาเท่าไหร่เขาก็ซื้อหมดแหล่ะครับถูกหรือแพง เป็นแค่เรื่องของความรู้สึก เท่านั้นเองชี้ให้เห็นประโยชน์ของลูกค้าเยอะๆเข้าไว้.

3.7 วิธีการเขียนโพสต์ขายแบบไม่ Spam=>คุณต้องให้ในสิ่งที่ ลูกเพจ/ค้า อยากได้และไม่ยัดเยียด บีบบังคับ ให้เขาซื้อหรือทำในสิ่งที่คุณอยากให้เขาทำแต่จงชี้ให้เขาเห็นถึงสิ่งที่เขาจะได้ ว่ามันดีกับตัวเขายังไงถ้าเขาทำตามคำแนะนำของคุณ หรือซื้อของๆคุณ.

3.8 ทำเพจมี Like แต่ไม่มีใคร Share แก้อย่างไร=>ทายได้เลยว่าเพจที่ประสบปัญหานี้เป็นเพจที่ โพสต์หนัก! โพสต์ถี่คุณต้องมีกลุ่มลูกเพจที่ชัดเจน โพสต์เพราะลูกเพจเขาอย่างอ่านไม่ใช่โพสต์เพราะคุณอยากจะโพสต์อ่านแล้วเขาต้องไม่ผิด ไม่โง่ รู้สึกฉลาด ไม่รู้สึกว่าถูกสอน ไม่รู้สึกว่าโบราณวิธีการนั้นง่ายมาก ถ้าในเนื้อหามีการยกตัวอย่างที่ห่วยๆให้สมมติเป็น "ตัวเอง" ถ้าในเนื้อหามีการยกตัวอย่างที่ดีๆ เก่งๆ เจ๋งๆให้ใช้ตัวละครเป็น "คนอ่าน" ในเหตุการสมมติ แต่ถ้าหากเนื้อหายังไม่ตรงประเด็น! ไม่เห็นเกี่ยวกับชื่อเพจไม่เกี่ยวกับลูกเพจเลย หรือ คนเข้าถึงเพจไม่ใช่กลุ่มลูกเพจเราไม่ได้รู้จัก ไม่ได้สนใจเรื่องที่โพสต์ อารมณ์ประมาณว่า น้ำมันเจอดินมันก็ไม่พีคนะ แต่ถ้าโพสต์นั้นตรงประเด็น เป็นกระแส และเกี่ยวกับเขาด้วยแฝงความอวยนิดๆให้เขาหลงตัวเอง 555+
มันจะเหมือนกับ เบนซิน เจอ ถ่านหิน ยังไงยังงั้นเลยนะคุณ.

3.9 ทำ Content อย่างไร ให้ซอมบี้ Share เป็น Viral Marketing=>ตามหลักจิตวิทยา คนจะแขร์อะไรที่
1.การแจ้งข่าวสารสำคัญที่เป็นข้อกำหนด/ผลประโยชน์ของผู้เสพข่าว
2.อัปเดรทข่าวสารใหม่ๆก่อนใคร สาวกของสินค้า/บริการนั้นๆจะแห่กันแชร์
3.เนื้อหาตรงกับจิตใต้สำนึกของผู้เสพข่าว เจาะใจ แทงใจ จุกอักเนื้อหาที่มีชีวิตมีความรู้สึกนึกคิดแฝงอยู่ด้วยมักได้รับการตอบรับดีเสมอ
4.เนื้อหาที่เกี่ยวกับตัวเขาและเพื่อนของเขา แบบว่า เฮ้ย!!! นี่มันกูชัดๆเช่น แก๊ง! พวกเราก็เป็นแบบนี้ใช่ไหม นี่มันพวกเราชัดๆ...... ฉันรู้ว่าแกเจอปัญหานี้อยู่ดูเลยๆ
5.อยากกิน อยากไป อยากได้ อยากมี อยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเราสังเกตได้จาก ปฏิกิริยาเหล่านี้ 
คือรู้จัก = เขาจะพุ่งความสนใจสิ่งที่รู้จักเป็นพิเศษกว่าดูสิ่งที่ไม่เคยรู้จักแม้ของสองสิ่งจะอยู่ติดกัน
ชอบ = เขาจะรู้สึกดีทุกครั้งที่เห็นสิ่งนั้น ได้ครอบครองก็ดีไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
รัก = อยากปรับปรุง เปลี่ยนแปลงสิ่งๆนั้น เริ่มทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
เชื่อถือ = มีเหตุมีผล มีความเป็นไปได้ ตรวจสอบได้
เชื่อใจ = ทำตามสัญญา รักษาคำพูด
ไว้วางใจ = ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
ศรัทธา = สิ่งที่ปลูกฝั่ง 
สั่งสม บ่มเพาะ และประสบพบเจอมากับตัวสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่าง กินใจ ยากจะอธิบายเป็นคำพูดถ้าคุณทำให้ใครศรัทธาในตัวคุณได้ คุณจะไปได้ไวและไกลเคยได้ยินคำพูดนี้ไหม...การที่คนหนึ่งคนมีความสามารถดีจะนำพาชีวิตไปได้ไกลการที่คนบางคนมีทักษะทำให้คนมีความสามารถดีมาทำงานด้วยได้คนๆนั้นจะไปได้ไว และไกลมาก!ความศรัทธานี่ล่ะเป็นเหมือนแม่เหล็กดึงดูดคนเก่งๆ อย่าลืมว่า..ชัยชนะของเหล้าปี่ คือการมีคนเก่งเคียงข้างชัยชนะของโนบิตะ คือ โดเรม่อน นอกจากคุณจะความสามารถดีถ้าคุณมีทักษะดึงดูดคนความสามารถดีได้ด้วย คุณเทพแล้ว

.3.10 วิธีทำ Contents จากก้นบึ้งหัวใจให้ซอมบี้แชร์=>ทำเนื้อหาเชิงอารมณ์และสร้างจากเรื่องจริงจะดีที่สุด เนื้อหาที่ดีที่สุดไม่ใช่เนื้อหาที่อยู่ในรูปตัวหนังสือเท่านั้น หรือ VDO เท่านั้น มันจะเป็นในรูปแบบไหนก็ได้ที่ตรงกับจริตการเสพข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายเรา

3.11 หลักการใช้ Story ในการเล่าเรื่อง=>สเตปแรก พูดปัญหาที่เขาเจอก่อนเลยต่อมาอาการณ์ที่เกิดขึ้นหรืออารมณ์ ณ ขนะนั้นเป็นอย่างไรต่อมาอีกแนะนำตัวที่มีความน่าเชื่อถือมากพอหรืออ้างอิงสิ่งอื่นไม่ว่าจะเป็นบุคคลสำคัญๆ หรืองานวิจัยห่าเหวอะไรก็ได้ครับและสุดท้ายก็ตอบโจทย์ด้วยสินค้าหรือบริการสร้างความเร่งด่วนให้เกิดความจำเป็นให้ได้

3.12 ขายของอย่างไรให้เนียน=>ลูกเพจต้องได้ประโยชน์ฟรีๆจากการตามคุณ จนเขารู้สึกเชื่อใจคุณแล้วระหว่างที่คุณให้ประโยชน์เขาแบบฟรีๆนั้นก็สามารถแทรกสินค้าหรือบริการที่คุณขายเข้าไปด้วยได้เช่น แทรก Link แทรก tag ใส่ Caption หรือภาพ BackGround
Post ตัวอย่าง https://goo.gl/v38SMbเขาจะยินดีรับฟัง เพราะได้ประโยชน์จากเนื้อหาที่คุณให้ฟรีๆวันใดวันหนึ่งเขานึกอยากได้สินค้าหรือบริการคล้ายๆที่คุณขายเขาก็จะอยากซื้อกับคุณ สอบถามคุณว่ามีแบบนี้ไหมวางขายรึยัง?
นี่เป็นตัวอย่างของผู้ที่ Promote พวก Product/Service แบบเนียนๆเคล็ดลับซื้อซ้ำของ JQ ปูม้านึ่ง https://goo.gl/lu67Q2วิธีที่งานและเงินดีๆวิ่งเข้าหา https://goo.gl/RPwmzzโดยลูกค้าเต็มใจเสพข่าวสาร ถ้าเนื้อหาดีไม่มีกั๊กว่าที่ลูกค้าจะรักและ Share ต่อแน่นอน.

3.13 การทำ Back Link เรียกทราฟฟิคเหล่าซอมบี้=>คุณต้องให้สิ่งที่ซอมบี้ของคุณอยากได้ โดย1.สแกนว่าที่ลูกค้าของคุณก่อนเขาอยู่ในวัยไหนวัยรุ่น ไม่ชอบดูโฆษณา แต่ชอบดู MV
เลยไม่แปลกใจว่าทำไมครีมพอนถึงไปโผล่ใน MV คนดีพี่มาง้อวัยทำงาน = ไม่ชอบดูนักวิจัยขายของ แต่ชอบดูตลกวัยสูงอายุ ไม่ชอบฟังโฆษณาวิทยุ แต่ชอบฟัง กลอนรำ ทำนองรุ่นเดอะ


3.14 ขายโฆษณาอย่างไรไม่ให้รบกวนลูกเพจ=>ฝึกทักษะด้านการตลาดครับ มันคือการจำลองสถานการณ์ขึ้นมาด้วยปัญหาที่เขาเจอแล้วนำเสนอทางแก้ด้วยสินค้าหรือบริการคุณ อย่าเอาแต่ขายโจ้งๆ

3.15 การสร้างความเชื่อมโยง=>มันคือการยึดครองสื่อหลายสื่อ คือคุณต้องไปมีตัวตนในสื่อ social ให้ได้หลาสื่อ เพื่อสร้างสังคม

3.16 ขายสินค้าอย่างไรให้ซอมบี้แชร์=>คุณต้องทำการขายแบบการขายหลังร้าน.....มีหลายแบบ....เช่น แบบแรกแจกของ แบบที่สองให้คำปรึกษา
แบบแรก => แจกของ...แต่กติกาคือต้อง1.กด Like Fan Page(เพื่อเก็บฐานลูกค้า)2.กด Like Post ที่แจก(เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเนื้อหา)
3.กด Share Post ที่แจกแบบสาธารณะ(เป็นการตลาดแบบปากต่อปาก)4.แคปภาพที่ Share ไปหน้า Facebook Timeline เอามา Comment ใต้ Post ที่แจก(เป็นการเพิ่ม Rich การมองเห็นจาก Facebook) ตัวอย่างนักธุรกิจที่ทำ Viral Marketing เก่งๆ เช่น คุณตัน อิชิตัน https://web.facebook.com/ichitanแบบที่สอง => ให้คำปรึกษา/ให้คำแนะนำ แล้วจบท้ายด้วยการขายไปในคราวเดียวกัน ต้องบอกก่อนนะ ว่าการขายกับการตลาดมันจะต่างกัน ตรงที่ การตลาดคือการทำให้ว่าที่ลูกค้าอยากซื้อ ส่วนการขายคือการแลกเปลี่ยน ไม่ว่าจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิต แลกเปลี่ยนสินค้า หรือแม้กระทั่งแลกเปลี่ยนเงินตรากับของที่มีมูลค่าเทียบเท่ากับจำนวนเงิน นั่นถือว่าการแลกเปลี่ยนอย่างเต็มใจเป็นการขายทั้งสิ้น ทักษะเรื่องการตลาด จะทำให้ใครๆก็อยากมาแลกเปลี่ยนบางสิ่งบางอย่างกับคุณ การที่ให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษา มันคือทักษะการตลาด เขาเห็นว่าคำแนะนำที่คุณให้เขาไปมันใช้ได้ผลจริง คราวหน้าเขาก็อยากปรึกษาคุณอีก เมื่อคุณออกสินค้า/บริการอะไรมาแก้ปัญหาให้กับเขา เขาก็จะยินดีและเต็มใจที่จะซื้อจากคุณ ฉะนั้นแล้ว ถ้าจะขายสินค้าและให้สาวก/ซอมบี้ทั้งหลาย Share Sale Content ของคุณออกไป ก็จะต้องเป็น1.Content ที่เพิ่มความเชื่อให้กับเขาว่าเขาคิดถูก ทำถูก เขาเข้าใจถูกต้อง เขาทำถูกต้องแล้วทำต่อไป2.มันเป็นอีกวิธีนะที่ทำให้เขาเหนื่อยน้อยลง ประหยัดมากขึ้น ผลลัพธ์มากขึ้น จากวิธีที่คุณนำเสนอ3.คุณมีสินน้ำใจเล็กๆน้อยๆมาตอบแทนเขาจากการที่เขาติดตามคุณ โดยกติกาคือ Like & Share ออกไป4.เมื่อเขาเกิดปัญหาที่คุณก็เคยผ่านมาหรือว่าประสบการณ์ผู้สำเร็จคนอื่นๆก็เคยผ่านมา ก็เอาตรงนั้นแหล่ะไปแก้ปัญหาให้กับว่าที่ลูกค้าคุณ คนร้อยละร้อยจะไม่สนใจสิ่งที่คุณนำเสนอเลยหากมันไม่ตรงกับประสบการณ์ชีวิตของเขา เคยสังเกตไหมว่าทำไมเพลงบางเพลงเราไม่ได้รู้สึกชอบ แต่ทำไมเพลงเดียวกันนั้นเพื่อนเรากับอิน อย่างกะดมกาวมา นั่นแหล่ะ อะไรที่ตรงกับประสบการณ์ชีวิตตัวเอง พวกหัวอกเดียวกันเขาเห็นให้คุณค่าของกันและกันอยู่แล้ว5.เอาเทคนิคขายของ

3.17 แนะนำระบบรับชำระเงินอัตโนมัติ=>อันนี้แล้วแต่คุณเลยว่าชอบแบบไหน โดยส่วนตัวผมไม่ชอบมีภาระด้านระรบการเงินขี้เกียจทำบัญชี เลยเลือกสมัครธุรกิจเครือข่ายตัวนึงแล้วปล่อยให้หน้าที่การบัญชีเป็นหน้าที่ของบริษัทไปเราเน้นสร้างผลงานอย่างเดียว ตอบโจทย์ผม

3.18 วิธีให้บริการหลังการขาย Service Of Sale=>คุณอาจเคยได้ยินคำว่าลูกค้าคือพระเจ้า แต่สำหรับผมแล้วลูกค้าต้องเห็นเราเป็นพระเจ้ามันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคุณมีแบรนด์ และความรู้สึกที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ต้องเป็นความภาคภูมิใจ ลึกซึ้ง เฮฮา หรืออื่นๆ พูดง่ายๆคือทำให้ผู้คนรู้สึกกับแบรนด์คุณในอารมณ์ไหนนั่นเอง

3.19 วิธีหาตัวแทนและ Admin=>ผมจะไม่บอกให้คุณแจกแก้วแหวนเงินทอง หรือนาฬิกา โน๊ตบุ๊ค เพราะถ้าสินค้าดี มีตัวแทน แต่ไม่มีลูกค้า มันก็เปล่าประโยชน์ วิธีกระตุ้นให้คนอยากแห่มาขอเป็นตัวแทนคือ การที่คุณมีลูกค้าสั่งจองสินค้ารอเป็นเดือนๆก็ยอม ถึงตอนนั้นคุณแทบไม่ต้องเอ่ยปากรับตัวแทนเลย เมื่อ D-man เกิด Suppire จะตามมาเอง เพราะมีคนอยากซื้อ มันเลยมีคนอยากมาขาย ดูอย่าง I Phone ออกใหม่ ,รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ,สัมมนาบางสัมมนา  สินค้า/บริการเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สั่งจองกันทั้งนั้น ถ้าคุณขาย Brand คนอื่น ไม่มีความแตกต่างเรื่องสินค้าแต่ก็สามารถสร้างข้อได้เปรียบเป็นอย่างอื่นได้ เช่น ต่างสถานที่ บริการแตกต่าง ยกตัวอย่าง Starbuck เอง ทั้งที่สินค้าเป็นกาแฟเหมือนกับเจ้าอื่น แต่เขาแตกต่างตรงที่ การบริการ สถานที่หรูหราน่านั่งจิบกาแฟกินลมชมวิว ถ่ายภาพเช็คอินอวดเพื่อนก็สวย ทำไมใครๆก็เช็คอินแต่ใน Starbuck นะ ไหนไปนั่งจิบกาแฟดูซิ มันเป็นยังไง เลยเป็นเหตุให้ Starbuck ถูกจ้างให้ไปเปิดสาขาในคอนโดต่างๆ ไม่เสียค่าเช่าที่ แถมยังได้ Money จากเจ้าของ Condo เป็นค่าตอบแทนที่ Starbuck เมตตามาเปิดสาขา ในขณะที่กาแฟเจ้าอื่นยังต้องจ่ายค่าเช่าที่อยู่เลย แต่ถ้าหากคุณมี Bran ของตัวเอง คุณจะทำการตลาดกระตุ้นกิเลสว่าที่ลูกค้าของคุณมากขนาดไหนก็ได้ ไม่มีเพดานเรื่องราคาขาย ทำสินค้าดี ( Product ) +การตลาดดี ( Marketing ) +บริการดี ( Service ) +บริหารจัดการดี ( Management มันรวยอยู่แล้ว ( Millionaire )


3.20 การวาง Business Model=>แบ่งได้ 2แบบ แบ่งโดยคนเขียนเองแบบแรก คือ ยังไม่รู้จะขายอะไร?
1.ดูว่าคุณเป็นคนนิสัยแบบไหน ไลฟ์สไตลแบบไหน2.หากลุ่มคนที่ลักษณะคล้ายๆคุณแล้วทำให้เขามา Follow Facebook Fan Page คุณเยอะๆด้วยวิธีการที่หาเอาใน E-book ฉบับนี้แหล่ะ! อิอิ3.ส่งมอบสิ่งดีๆ (ความรู้ที่หาที่ไหนไม่ได้บนโลกใบนี้)ส่งมอบมันออกไปให้กับพวกเขาเหล่านั้น สร้างสายสัมพันธ์ที่ดี4.เมื่อเขามาบ่นว่าติดปัญหาเรื่องอะไรคุณก็ไปหาสินค้า/บริการมาจำหน่ายให้เขาได้เลยสรุปแบบแรกคือหาลูกค้า > หาปัญหาลูกค้า >ผลิตสินค้ามาแก้ปัญหาลูกค้า >ทดลองสินค้า >ทำการตลาด >ขายสินค้า+วิธีรับชำระเงิน >จัดส่งสินค้า >บริการหลังการขาย แล้วเอา System เข้ามา Support ในแต่ละส่วน จบ คุณก็จะมีอิสระ Freedom โดยมี Passive Income ไหลเข้าบัญชีแม้ไม่ต้องทำแล้วก็ตาม และถ้าไม่อยากแบกรับความเสี่ยงคนเดียวก็ผลักดันธุรกิจของคุณเข้าตลาดหลักทรัพย์ซะ ในตลาดหุ้นมีนักลงทุนจำนวนมากที่มองหาโอกาสเข้ามาลงทุนหุ้นในธุรกิจน้องใหม่เข้าตลาดวันแรก คุณสามารถเอาเงินจากการขายหุ้นบางส่วนสัก 10-20% มาต่อยอดให้ธุรกิจคุณเติบโตแบบก้าวกระโดดได้ ( ผู้เขียนเองก็ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอกนะ ) ที่เอาข้อมูลมาแชร์ได้เพราะผมชอบศึกษาประสบการณ์คนสำเร็จ รู้เลยว่าเขามีสิ่งที่เหมือนๆกันคือ วิธีคิด แต่ก็แนะนำว่าต้องศึกษาให้เข้าใจถ่องแท้ด้วยตัวคุณเองก่อน และหาที่ปรึกษาที่ไว้ใจได้คอยให้คำแนะนำ อย่าผลีผลามเพราะบางคนที่บอกว่าการล้มจะทำให้เรียนรู้การลุก บางทีเขาก็ให้กำลังใจตัวเอง คุณเองก็อย่าไปพยายามล้มเองเจ็บเองเลย อะไรที่แม่นกว่า ชัวร์กว่า ย่อมดีกว่า ทุกๆครั้งที่ผมหกล้มนอกจากเข่าผมจะถลอก ผมก็กลัวใจของผมมันจะกระจอกไปเสียก่อน
แบบที่สอง คือ คุณมีสินค้าขายอยู่แล้ว/มีสินค้าในดวงใจอยู่แล้ว?
1.ดูว่าสินค้า/บริการที่คุณขายมันแก้ปัญหาให้คนกลุ่มไหน
2.ไปรวบรวมคนกลุ่มนั้นมา Follow Facebook Fan Page ของคุณเยอะๆด้วยวิธีที่หาเอาใน E-book ฉบับนี้อีกนั่นแหล่ะ 555
3.ส่งมอบวิธีที่ช่วยแก้ไขปัญหาให้กับเขาที่หน้าเพจแบบฟรีๆเพราะคุณรู้ปัญหาของเขาอยู่แล้วหนิ4.เมื่อมีเสียงเรียกร้องจากลูกเพจว่าให้แนะนำสินค้าหรือบริการดีๆสักที่ให้หน่อยคุณก็ส่งมอบวิธีแก้ปัญหาให้เขาแล้วทิ้งท้ายว่าสินค้าที่คุณขายแก้ปัญหาให้เขาได้ถ้าเขาตอบกลับมาว่าอ๋อ..ค่ะ หรอ..คะ งั้นขอคิดดูก่อนนะแสดงว่าเขายังไม่เชื่อใจคุณมากพอ ต้องให้ประโยชน์ลูกเพจเพิ่มเพิ่มความน่าเชื่อถือให้เพจ ด้วยวิธีที่แนะนำไปใน E-book ฉบับนี้สรุปแบบที่สองคือเอาสินค้าตั้ง >หาว่าสินค้ามันแก้ปัญหาให้ใคร >ไปรวบรวมคนกลุ่มนั้นมาตาม Follow Page คุณ
3.21 การวาง Customer Traffic Funnel=>กลุ่มเป้าหมายของคุณ>เลือกสื่อที่เข้าถึงลูกค้าของคุณ>ผลิตเนื้อหาที่ตรงใจเขา>ดูแลฐานแฟนด้วย CRM

3.22 ตั้งค่าระบบทำงานเองอัตโนมัติ ( System Setting Automat Active )
=>ถ้าเป็น อ๊อฟไลน์ คุณต้องมีเครื่องจักและคนงาน ถ้าเป็นออนไลน์ต้องมีเว็ปไซต์

4.ลูกเพจต้องได้ประโยชน์ฟรีๆจากการตามคุณ จนเขารู้สึกเชื่อใจคุณ5.ถ้ายังทำให้ลูกเพจจำเพจคุณไม่ได้ ชอบเพจคุณไม่ได้ เชื่อใจเพจคุณไม่ได้ ก็อย่าพึ่งขายสินค้าอะไร ให้ขายตัวเองให้ได้ก่อน(ไม่ใช่ขายตัว/โชว์อึ๋มนะ)#เนื้อหาแบบยำๆเละเทะเคยได้ดูหนังเรื่องเหล็กไหลไหมเหล็กไหลมันจะอยู่แต่กับคนที่บุญถึงใครบารมีต่ำก็จะครอบครองไว้ไม่ได้ขืนไปเอามาไว้กับตัวก็จะเป็นภัย ธาตไฟเข้าแทรกการได้มาซึ่งการยอมรับนับถือ ความทรัทธาของมีค่าทั้งที่จับต้องได้หรือจับต้องไม่ได้มันจะเลือกอยู่แต่กับคนที่ทำตัวคู่ควรกับมันเท่านั้น(วิธีการ)เตรียมการ-วิธีตั้งชื่อแฟนเพจ=ให้ใช้ประโยคสั้นๆที่มี 3ส่วนประกอบ ใคร+ทำอะไร+ที่ไหนจะสอดคล้องกับหลักการแต่งประโยค คือ ประธาน+กริยา+กรรมถ้าบางส่วนของชื่อเพจขาดหายไป ขอให้เป็นกรรมหายถ้าหาย 2ส่วนขอให้เป็นประทานกับกรรมหาย หรือ กริยา+กรรมหายจงคงไว้ซึ่งประธานเป็นชื่อเพจหากว่าประธานนั้นเป็นที่รู้จักโด่งดังมาก่อนอยู่แล้ว หรือคงไว้ซึ่งกริยาเป็นชื่อเพจเพราะกริยาบ่งบอกถึงการกระทำ มนุษย์ 97% สนใจแต่วิธีการกับผลลัพธ์หัวใจสำคัญของชื่อเพจคือลูกค้าต้องรู้ในทันทีว่าเขาจะได้อะไรจากเพจของคุณเอาล่ะครับจากประสบการณ์จริงของตัวผมเองที่ได้ทำเพจมานะครับซึ่งตอนนี้มีคนกำลังติดตามมามากพอสมควรและมีคนคอมเม้นและแชร์ตามลำดับครับวันนี้ผมมีเคล็ดลับวิธีการที่ผมใช้แล้วเกิดผลลัพธ์ข้างต้นมาบอกเพื่อนๆครับก่อนที่เราจะไปศึกษาวิธีการผมอยากให้เพื่อนๆคิดได้ก่อนที่จะรู้วิธีการนะครับคำถามที่ผมอยากให้เพื่อนๆตอบนะครับคือ ทำไมเราถึงไปกดไลค์และติดตามเพจที่เราสนใจและเพจที่เราชอบคำถามนี้ลองคิดให้ดีๆแล้วเราจะรู้คำตอบครับเอาล่ะมารู้ถึงวิธีการที่ผมได้ใช้นะครับผมจะแบ่งเป็น. 
3 ขั้นตอน
1.หาสิ่งที่เราชอบ
2.เกาะกระแส
3.ให้คุณค่า

ปีใหม่ก็บอกรักพ่อแม่กันแต่สิ่งที่สำคัญ คือเป้าหมาย+ดีมาน+ข้อจำกัด+เชิงคำถาม+คำคมๆ+คำชม+เปรียบเทียบ+เติมเต็ม+ได้อารมณ์คนเราจะถูกดึงเข้าหาคนที่มีเป้ามายคล้ายๆกัน มีความต้องการในเรื่องเดียวกัน แต่มีข้อจำกัดแบบเดียวกันที่ไม่สามารถทำให้เขาไปถึงเป้าหมายนั้นหรือได้สิ่งๆนั้นมาครอบครอง เขาจะสงสัยในใจว่าใครพอมีวิธีการ มีแนวทางแก้ปัญหาให้เขาไหม คุณก็แค่ปล่อยคำคมๆที่โดนใจเขาแล้วแก้ปัญหาโดยปลดล็อคความคิดเขาได้ แล้วชมข้อดีของเขาจากใจจริง เปรียบเทียบให้เห็นไปเลยว่าเมื่อก่อนคุณเอง หรืออ้างอิงว่าคนอื่นๆเองก็เคยประสบปัญหานั้นมาก่อนแล้วเขาผ่านไปได้ คุณเชื่อว่าเขาผ่านไปได้เช่นกัน การเชื่อมั่นในตัวเค้ามันคือการเติมเต็มความไม่มั่นใจอย่างหนึ่ง แล้วเขาจะฮ็อตสู้ลุยต่อ5 #สรุปให้สร้างเพจเชิงคุณค่าอย่าโฟกัสที่ยอดไลค์ เพจที่มียอดลค์แต่ไร้ยอดขายมันเกลื่อนตลาดแล้ว ผิดกลับเพจเชิงคุณค่าที่เห็นยอดไลค์เงียบๆแต่ยอดขายเพียบ นะครับ!

ฝากติดตามผลงานด้วยนะครับที่  https://www.facebook.com/chanvitmini